ลงทุนในสิ่งที่รู้

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนากับเพจ Vietnam Value Investor เพื่ออัพเดทความรู้ ข่าวสารเกี่ยวกับหุ้นในตลาดเวียดนาม

โดยส่วนตัว ได้เริ่มลงทุนหุ้นเวียดนามในปี 2017 ตามกระแสที่นักลงทุนวีไอไทยเริ่มไปลงทุนในเวียดนาม และจากการดูภาพ macro ของเวียดนาม ก็ต้องบอกว่าประเทศนี้น่าสนใจจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข GDP, การส่งออก ที่เติบโตได้ดีกว่าประเทศไทย ทำให้เชื่อว่าถ้าเราเข้าไปลงทุนเป็นกลุ่มแรกๆน่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา

แต่ตลาดหุ้นเวียดนามไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

เวียดนามมีหุ้นอยู่ทั้งหมด 3 ตลาด มีหุ้นรวมกันมากกว่า 1600 ตัว (ไทยมีประมาณ 700 ตัว), ตลาดหุ้นเวียดนามถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Frontier Market (ตลาดชายขอบ) ซึ่งมีความเสี่ยงและผันผวนมากกว่าตลาดหุ้นกลุ่มอื่นๆ มาตรฐานบัญชี, กฎระเบียบต่างๆ ก็ยังไม่เข้มงวดหรือมีมาตรฐานมากนัก

อุปสรรคและปัญหาที่พบ

1. ข้อมูลข่าวสารและภาษา เป็นอุปสรรคที่สำคัญ บริษัทจดทะเบียนเกือบทั้งหมดใช้ภาษาเวียดนามในการแจ้งข้อมูลและรายงานงบการเงิน เราต้องอาศัย google translate ช่วยในการแปล, ข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับบริษัทก็มีน้อย ข่าวลือ (ที่มักเป็นจริง) ก็เยอะ กว่าเราจะรู้ก็ผ่านไปหลายเดือน หุ้นตกไปเยอะแล้ว

2. หุ้นที่เราคิดว่าดีและซื้อในราคาที่ถูกแล้ว ก็ยังมีถูกกว่า ซึ่งหลายๆครั้งมันมีเหตุผลที่หุ้นนั้นราคาถูก ไม่ว่าจะเป็นสภาพการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนไป หรือปัญหาภายในบริษัท ที่คนเวียดนามรู้ แต่คนไทยอย่างเราไม่รู้

3. เนื่องจากเวียดนามยังเป็นประเทศสังคมนิยม ภาครัฐจะมีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนประเทศ และมักจะมีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่างๆ อยู่เสมอ ต้องคอยติดตามให้ดี

4. ธรรมภิบาลผู้บริหารของบริษัท ก็เป็นเรื่องที่ต้องระวัง บ่อยครั้งที่อยู่ๆหุ้นบางตัวตกอย่างไม่มีสาเหตุติดต่อกันหลายวัน และต่อมามีข่าวว่าผู้บริหารถูกจับเพราะทุจริต

บทเรียนและข้อแนะนำ

1. ต้องกระจายความเสี่ยง ถึงแม้จะคิดว่าศึกษามาดีแล้ว แต่อาจมีข้อมูลสำคัญบางอย่างที่เราไม่รู้และเป็นจุดตาย ดังนั้นควรลงทุนในหุ้นหลายๆตัว เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ต อย่าทุ่มลงไปเพียง 1-2 ตัว

2. ต้องเข้าใจในบริษัทที่เราลงทุนจริงๆ แค่รู้จักว่าหุ้นนี้ทำอะไรยังไม่พอ และต้องติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลาด้วย

3. ลงทุนหุ้นขนาดเล็กๆ (micro cap) ในเวียดนามค่อนข้างอันตราย เพราะเราไม่รู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่บ้าง อย่าเห็นแก่ของถูกอย่างเดียว, ลงทุนในตัวใหญ่ หรือกลางๆ จะปลอดภัยกว่า

4. การลงทุนหุ้นเวียดนามรายตัว อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน การลงทุนเองแบบรายตัวต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการศึกษาและติดตามข่าวสารของหุ้นแต่ละตัว อีกทั้งยังมีปัจจัยภายนอกบริษัทที่เราอาจไม่เข้าใจและมีผลกระทบกับบริษัทที่เราลงทุน

5. ถ้าเชื่อว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะโตได้อีกมาก และอยากลงทุนในหุ้นเวียดนาม กองทุนรวมอาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ จะซื้อผ่านบลจ.ในไทย, ซื้อจากกองแม่โดยตรง (กองที่น่าสนใจคือ Veil ของ Dragon Capital) หรือซื้อ ETF ที่จดทะเบียนในตลาดเวียดนามเองก็ได้

ที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องลงทุนในสิ่งที่รู้ การลงทุนในสิ่งที่เราไม่รู้ นั้นเรียกว่าการพนัน

(เครดิตรูป: เพจ Vietnam Value Investor)