ต่อมความถูกต้องทำงาน เพราะลูก

วันก่อนไปซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง เพราะเจ้าลูกชายอยากซื้อขนมกรอบๆกิน หลังจากเลือกซักพัก ก็ได้ขนมมา 1 ห่อ ผมให้เค้าเงินไปเพื่อต่อแถวจ่ายเงิน

 

โดยปกติซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ จะมีเคาน์เตอร์คิดเงิน 2 ช่อง แต่เวลานั้นเปิดเพียงช่องเดียว และมีคนกำลังจ่ายเงินอยู่ และยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งพร้อมรถเข็นคันใหญ่ ต่อแถวเพื่อรอจ่ายเงินอยู่ห่างๆ เมื่อเธอเห็นลูกชายผมถือขนมมา1ห่อ เพื่อจ่ายเงิน เธอก็เลยบอกว่า ให้อยู่ข้างหน้าเธอเลย เพราะเธอซื้อของเยอะ เกรงใจว่าเด็กจะต้องรอจ่ายเงินนาน

 

ผมได้บอกขอบคุณเธอไป แต่บอกให้ลูกชายเข้าคิวหลังเธอ และบอกลูกไปว่าเรามาทีหลัง ก็ต้องเข้าคิวให้ถูกต้อง ซึ่งผมมักจะหาโอกาสสอนลูกในเรื่องต่างๆ อย่างนี้อยู่เสมอ และเรื่องเข้าคิว รู้จักรอคอย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมพยายามปลูกฝังไว้ ซึ่งลูกชายผมก็เข้าใจดี ยอมไปต่อคิวโดยไม่อิดออด

 

แต่อยู่ดีๆ ก็มีคุณลุงคนหนึ่ง (ขอเรียกคุณลุงแล้วกัน ไม่อยากเรียกมนุษย์ลุง) พร้อมถุงน้ำแข็ง 1 ถุง มาจากไหนไม่รู้ แทรกคิวเข้ามาจะจ่ายเงิน ตัดหน้าทุกคนที่อยู่ในคิว!

 

เจ้าลูกชายวัย 5 ขวบ หันขวับมาถามผมทันทีว่า ทำไมผู้ชายคนนั้นไม่เข้าคิว?

 

ผมคิดซักพักว่าจะตอบลูกอย่างไรดี จึงตัดสินใจบอกไปว่า ให้ลูกเดินไปบอกคุณลุงเองว่า คิวอยู่ตรงนี้ คุณลุงเค้าอาจจะไม่เห็นก็ได้…แต่ลูกผมไม่กล้าเดินไปบอก ได้แต่พูดกับผมว่า ทำไมเค้าไม่เข้าคิวๆ

 

ปกติผมเป็นคนไม่ชอบมีปากมีเสียงกับใคร นิดๆหน่อยๆ อะไรยอมได้ก็ยอมไป แต่พอมีลูกและยิ่งเค้าอยู่ในวัยที่รู้เรื่องพอสมควรแล้ว (แถมช่างพูด ช่างสงสัยอีก) ต่อมเป้าบุ้นจิ้น รักษาความยุติธรรม ของผมก็ทำงานทันที

 

เปล่า ผมไม่ได้โกรธที่ลูกโดนแซง แต่ไม่พอใจที่การแซงของคุณลุงจะเป็นอย่างที่ไม่ดี และอาจเป็นสาเหตุให้ลูกผมจะไม่ยอมเข้าคิว และไม่มีวินัย ในอนาคต

 

ผมจึงเดินเข้าไปหาคุณลุงทันที พร้อมบอกว่า “ต่อคิวเถอะครับ คิวอยู่ตรงโน่น”  ซึ่งคุณลุงก็ตอบกลับมาว่า ขอก่อนเถอะ ซื้อชิ้นเดียวเอง ผมเลยตอบไปว่า “เด็กเค้าก็ซื้อขนมถุงเดียวเหมือนกัน ยังต่อคิวเลย ต่อคิวเถอะครับ” คุณลุงก็ยังยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม ไม่ได้เดินไปต่อคิวแต่อย่างใด

 

พอมาถึงตอนนี้พนักงานคงเริ่มเห็นท่าไม่ดี เลยรีบมาเปิดเคาน์เตอร์จ่ายเงินเพิ่ม และให้คุณผู้หญิงที่เข้าคิวอยู่ด้านหน้าลูกชายผม เข็นไปจ่ายเงินอีกเคาน์เตอร์ ขณะที่คุณลุงกำลังงงๆอยู่ เจ้าลูกชายเลยเดินไปจ่ายเงินตามคิวตัวเองได้สำเร็จ โดยไม่โดนคุณลุงแซง

 

หลังจากจ่ายเงินเสร็จ ขึ้นรถเรียบร้อย ผมจงใจหลีกเลี่ยงไม่คุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูก เพราะผมไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิดว่า เค้าควรจะเรียกร้องความถูกต้อง,ชอบธรรมทุกครั้ง เพราะด้วยวัยของเค้า เค้าคงไม่สามารถประเมินได้ว่าในบางสถานการณ์ หรือกับบางคน เราก็ไม่ควรจะถามหาความถูกต้อง เพราะเราเองที่จะเกิดอันตรายได้

 


 

…ในโลกของเด็กนั้น คงมีแค่สีขาวกับสีดำ ต่างกับผู้ใหญ่เรา ที่มี ขาว, ดำ และ “เทา”…

 

มองย้อนกลับไป ถ้าคนที่แซงคิวอยู่ข้างหน้า ไม่ใช่คุณลุง แต่เป็นวัยรุ่นท่าทางนักเลง หรือถ้าสถานที่ไม่ใช่ ซุปเปอร์มาร็เก็ตติดแอร์ แต่เป็นตลาดนัดตอนกลางคืน ผมก็ไม่แน่ใจว่า ผมจะยังทำแบบเดิมหรือเปล่า?

 

ไว้ต้องหาโอกาสสอนลูก เพื่อไม่ให้ต่อมความถูกต้องของลูก ทำงานผิดที่ ผิดเวลา