FB – ผลการดำเนินงาน Q3/18

ปี 2018 เป็นปีที่ยากลำบากของ FB หรือ Facebook อย่างแท้จริง

 

เริ่มจากต้นปี เดือนมีนาคม  มีเรื่องที่บริษัทอื่นนำข้อมูลของ Facebook user ไปใช้ประโยชน์ในการเลือกตั้งของอเมริกาในปี 2016 จนมีคนจำนวนมากออกมาประกาศว่าต่อไปนี้จะเลิกใช้ Facebook และจะลบบัญชีทิ้ง…หุ้นตกไป 15% (แต่หลังจากนั้นกลับมาทำจุดสูงสุดที่ $210 ในเดือนกรกฎาคม)

แต่หลังประกาศงบ Q2/2018, CFO ก็ออกมาบอกว่า ต่อไป รายได้ของ FB จะโตช้าลงแล้วนะ รายได้จะลดในระดับ high single digit (7-9%) ใน Q3, Q4 นั่นหมายถึงจากรายได้จะโตในระดับเพียง 30% เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่โตมากกว่า 40%, ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจะโตสูงถึง 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน และจะทำให้ margin จากเดิมที่อยู่ในระดับ 50% เหลือเพียงประมาณ 35% ในปี 2019…หุ้นตกทันที 17%

เดือนกันยายน FB ออกมายอมรับว่า ถูกแฮคเกอร์ แฮคบัญชีผู้ใช้งานไป 30 ล้านบัญชี…หุ้นไหลลงต่อ ไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ $139 ต่อหุ้น (ลดลงถึง 34% จากจุดสูงสุด)

ตามมาด้วยการตกลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นอเมริกา โดยเฉพาะตลาด Nasdaq หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ในช่วงฤดูกาลประกาศผลดำเนินงานไตรมาสสาม หุ้นกลุ่ม FAANG เพื่อน FB อย่าง Amazon, Netflix, Google ที่ประกาศตัวเลข Q3 ไปก่อนหน้า ล้วนมีผลการดำเนินงานที่ผิดหวัง

 

การประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส Q3/2018 จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนเฝ้ารอด้วยใจระทึกอย่างยิ่ง…

 


 

FB: Q3/2018

รายได้: $13.7 พันล้าน, โต 32.9% เทียบกับปีก่อน (ปกติโต 47%,  Q2/18 โต 42%)

กำไรจากการดำเนินงาน: $5.78 พันล้าน, โต 12.9% เทียบกับปีก่อน (ปกติโต 60%, Q2/18 โต 33%)

Operating margin: 42% ซึ่งดีกว่า guide line ที่บริษัทให้ไว้ที่ระดับ 35%

Daily active users: DAU (จำนวนผู้ใช้ต่อวัน) เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน

และสิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตคือ จำนวนพนักงาน (headcount) เพิ่มขึ้นถึง 45% เทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 33,606 คน

 

 

 

จากผลการดำเนินงานที่ประกาศออกมา ถือว่า FB ทำกำไรได้ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนรายได้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย

 

ใน earning call มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก CEO ได้บอกว่า จากนี้ไป FB จะโฟกัสให้ความสำคัญไปที่ stories, video, communities และ groups โดยมาร์คเปรียบเทียบว่า ถ้าสิบปีที่ผ่านมาเป็นทศวรรษที่เกี่ยวกับ friends และ family, 10 ปีต่อจากนี้ จะเป็นทศวรรษที่เกี่ยวกับ communities และเชื่อมั่นว่าในอนาคต stories จะเป็นสื่อที่ใหญ่กว่า feed ใน facebook ที่เคยเป็นมา

ความท้าทายที่มาร์คบอกไว้คือ ปีนี้และปี 2019 จะเป็นช่วงลงทุนด้าน security และพัฒนา feature ใหม่ๆ เช่น stories, video ซึ่ง feature ใหม่ยังไม่สามารถสร้างรายได้โฆษณาได้มากพอ แต่เชื่อว่าจะดีขึ้น และน่าจะดียิ่งกว่า news feed ที่เคยทำได้

 


 

เรายังไม่เห็นการลดลงของผู้ใช้งาน ผู้คนยังคงใช้ Facebook อยู่ แต่อย่างที่มาร์คยอมรับว่า facebook อาจจะใกล้ถึงจุดอิ่มตัวในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง อเมริกา แต่ก็ยังเติบโตได้ดีในประเทศกำลังพัฒนา ประกอบกับความพยายามของ facebook ที่สร้าง feature ใหม่ๆ เพื่อให้ user ยังคงใช้งานอยู่ และเพิ่มช่องทางโฆษณาเพื่อเพิ่มรายได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้ Facebook ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจและน่าติดตามอยู่ แต่ถ้าจะลงทุนก็ต้องมีส่วนเผื่อความปลอดภัยไว้พอสมควร เพราะเวลามีเหตุการณ์อะไรมากระทบนั้น ราคาลงแรงเหลือเกิน