SAB – เบียร์อันดับหนึ่งของเวียดนาม
Saigon Beer Alcohol Beverage Corp (SAB)
เวียดนามเป็นประเทศที่มีการบริโภคเบียร์มากเป็นอันดับต้นๆของโลกม ตั้งแต่ปี 2012 ตลาดมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยปีละ 4.7%
ตลาดเบียร์นั้นคิดเป็น 31% ของตลาดเครื่องดื่มในประเทศเวียดนามทั้งหมด และถ้านับเฉพาะตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอลแล้ว เบียร์จะครองส่วนแบ่งกว่า 94%
ว่ากันว่า วัฒนธรรมการเจรจาและสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจด้วยแอลกอฮอลโดยเฉพาะอย่างยิ่งเบียร์ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยสนับสนุนให้ตลาดเบียร์ในเวียดนามนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ตลาดเบียร์แบ่งได้เป็น 3 segment คือ Mid-end beer คิดเป็นสัดส่วน 59% ของตลาดทั้งหมด, ตามมาด้วย low-end beer ที่ 30% และ high-end beer ที่ 11%
ในอดีต เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศเอเชียด้วยกัน เวียดนามจะมีกฏหมายควบคุมแอลกอฮอลที่ค่อนข้างเปิด กล่าวคือ ไม่มีข้อจำกัดในการโฆษณา หรือสถานที่ขายแอลกอฮอล แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรัฐบาลเวียดนามได้เริ่มร่างกฏหมายเพื่อควบคุมการบริโภคและโฆษณาแล้ว และ ในปี 2016-2018 จะเพิ่ม consumption tax rate สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล จาก 50% เป็น 65% อีกด้วย
เกี่ยวกับ SAB
Sabeco (SAB) เป็นผู้ผลิตเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มีส่วนแบ่งตลาดเมื่อคิดตามปริมาตรอยู่ที่ 41% (ลดลงจาก ปี 2012 ที่มีส่วนแบ่ง 50%) ตามมาด้วย Heineken 25% และ Habeco (BHN, เบียร์ท้องถิ่นอีกแบรนด์ของเวียดนาม) 18%
แต่ถ้าคิดส่วนแบ่งตลาดในแง่ของรายได้, SAB จะเป็นอันดับสอง รองจาก Heineken เนื่องด้วย Heineken มีราคาขายที่สูงกว่า (เทียบง่ายๆว่า ถ้า Heineken ขายอยู่ที่ราคา 100 บาท, SAB จะขายอยู่ที่ 55 บาท)
SAB เป็นเจ้าของเบียร์ที่มีชื่อเสียง 3 ยี่ห้อของเวียดนาม ใน segment Mid-end คือ Saigon 333, Saigon Export และ Saigon Lager ทั้งสามยี่ห้อในจดทะเบียนเครื่องหมายค้าใน 27 ประเทศทั่วโลก, SAB มีโรงงานผลิต 26 โรง และมีกำลังการผลิตรวม 2,000 ล้านลิตร (Heineken และ Habeco มีกำลังการผลิตที่ 729 ล้านลิตร และ 668 ล้านลิตร ตามลำดับ)
SAB มีเครือข่ายกระจายสินค้าขนาดใหญ่ทั้งในตัวเมืองและนอกเมือง ในขณะที่ Heineken นั้นจะโฟกัสทางตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ และ Habeco (BHN) จะทำตลาดอยู่ทางภาคเหนือของเวียดนาม
ปี 2012-2016 SAB มีอัตราการเติบโตของรายได้ เฉลี่ยปีละ 8.8%
ปี 2017 ในแง่ปริมาณขาย ตลาดเบียร์เวียดนามโต 6% ในขณะที่ SAB โตมากกว่าตลาดที่ 8.4%
ปี 2017 SAB มีรายได้โต 12% เมื่อเทียบกับปี 2016 แต่ในปี 2018 บริษัทฯคาดหวังการเติบโตอยู่แค่ low single digit เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด โดยเฉพาะยิ่งเบียร์นำเข้าคุณภาพสูง ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในเวียดนาม
Sabeco มีอัตรากำไรที่ถือว่าสูงในลำดับต้นๆของอุตสาหกรรม โดยมี operating margin 15% และ net profit margin 13.5% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ 13.8% และ 8.2% ตามลำดับ แต่ก็แลกมาด้วยที่ PE ที่สูงลิ่วของ SAB
เดือนธันวาคม ปี 2017 รัฐบาลเวียดนามซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SAB ได้เปิดประมูลขายหุ้นออกมาคิดเป็นสัดส่วน 53.5% ของจำนวนหุ้น SAB ทั้งหมด โดยบริษัทที่ชนะประมูลไปคือบริษัทย่อยของกลุ่ม ThaiBev หรือเบียร์ช้าง ที่ราคาสูงถึง VND 320,000 (PE 48 เท่า)
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่กลุ่ม ThaiBev ได้ประมูลซื้อไปแล้ว ราคาซื้อขายของหุ้น SAB ได้ตกลงมาอยู่ในระดับ VND 220,000 แต่ PE ก็ยังคงสูงอยู่ที่ 32 เท่า
เป็นที่น่าสนใจว่า ThaiBev จะช่วย SAB ขยายตลาด และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเพิ่ม profit margin ได้หรือไม่
You must be logged in to post a comment.